แหล่งกำเนิดดั้งเดิมของพืชตระกูลกระบองเพชร อยู่ในแถบตั้งแต่ตอนใต้ของแคนนาดาไล่มาจนถึงตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ แต่พื้นที่ที่พบว่ามีกระบองเพชรเยอะที่สุดจะอยู่ในประเทศเมกซิโก และบางประเทศในแถบอเมริการใต้ ต่อมาพันธ์กระบองเพชรถูกนำไปปลูก ณ ที่ต่างๆ ของโลก และมีการแพร่พันธ์อย่างรวดเร็วดังเช่นในทวีปออสเตรเลียเป็นต้น ไม้อวบน้ำพบมากในหลายพื้นที่ของโลกแต่แหล่งที่มีพืชตะกูลนี้มากก์คงยังเป็นเม็กซิโกและประเทศแถบอเมริการใต้ นอกจากนี้ยังสามารถพบไม้อวบน้ำได้มากที่อเมริกากลาง, อเมริกาใต้, อาฟริกาตะวันออก, ตะวันออกกลาง, เกาะมาดากาสการ์, เกาะคานารี่, อินเดีย,ออสเตรเลีย
วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2552
แหล่งกำเนิดดั้งเดิมของพืชตระกูลกระบองเพชร อยู่ในแถบตั้งแต่ตอนใต้ของแคนนาดาไล่มาจนถึงตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้ แต่พื้นที่ที่พบว่ามีกระบองเพชรเยอะที่สุดจะอยู่ในประเทศเมกซิโก และบางประเทศในแถบอเมริการใต้ ต่อมาพันธ์กระบองเพชรถูกนำไปปลูก ณ ที่ต่างๆ ของโลก และมีการแพร่พันธ์อย่างรวดเร็วดังเช่นในทวีปออสเตรเลียเป็นต้น ไม้อวบน้ำพบมากในหลายพื้นที่ของโลกแต่แหล่งที่มีพืชตะกูลนี้มากก์คงยังเป็นเม็กซิโกและประเทศแถบอเมริการใต้ นอกจากนี้ยังสามารถพบไม้อวบน้ำได้มากที่อเมริกากลาง, อเมริกาใต้, อาฟริกาตะวันออก, ตะวันออกกลาง, เกาะมาดากาสการ์, เกาะคานารี่, อินเดีย,ออสเตรเลีย
1. ลำต้นยืดยาว ผิดทรงจากที่ควรจะเป็นหรือ ที่เคยเป็น
1.แสงแดด
แสงแดดที่เหมาะสมกับกระบองเพชร อยู่ที่ประมาณ 65% - 100% แล้วแต่ชนิดและการฝึกฝนของผู้เพาะเลี้ยง ในการพรางแสงจะใช้วัสดุที่แตกต่างกันไป เช่น ซาแรน 50% เป็นต้น ถ้ากะความเข้ม และ ช่วงเวลาของแสงไม่ถูกก็ใช้แดด ประมาณ ครึ่งวันเช้า จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่กระบองเพชรต้องการ แค่ลองสังเกตมุมที่แดงส่องในตอนเช้า ประมาณ 3-5 ชั่วโมง แล้วเอาต้นกระบองเพชรไปวาง ก็น่าจะพอกับความต้องการ ส่วนต้นไม้เล็กๆ ก็จะต้องการแดดน้อยหน่อย ถ้าต้นไม้ที่โตแล้วก็ต้องการแดดมาก อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาของกระบองเพชรครับ
2. น้ำ
การให้น้ำต้นกระบองเพชรนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการด้วยกัน ดิน แดด และ ลมด้วย ถ้าโดยแดดมากน้ำก็จะต้องให้มากตาม ถ้าโดยลมมาก ก็ต้องรดน้ำมากด้วย ถ้าดินโปร่ง ก็ต้องรดน้ำบ่อย ถ้าดินเนื้อแน่น แห้งช้า ก็รดน้ำน้อยได้ แต่จะให้บอกเป็นตัวเลขแน่นอนไม่ได้ว่า กี่วัน 2-3 วัน ต่อ ครั้ง หรือ ทุกวันก็ยังเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับว่า ดินที่ใช้อมน้ำหรือเปล่า ถ้าดินอมน้ำมาก ก็รดน้ำไม่บ่อยได้ ถ้าดินไม่อมน้ำ ก็ต้องรดบ่อยหน่อย อันนี้ก็ต้องสังเกตเอา ต้องแยกให้ออกทีละอย่างก่อนเช่น
1. ถ้าดินโปร่ง ลมแรง แดดแรง ต้นไม้ก็จะเหี่ยวเลยนะครับ ควรจะรดน้ำบ่อยหน่อย 2. ถ้าดิน เนื้อค่อนข้างอมน้ำ แดดแรง ไม่มีลม ก็ไม่จำเป็นจะต้องรดน้ำบ่อย แต่ถ้าดินแห้งจัดต้องรดให้ชุ่มเลยนะครับเพราะถ้าดินมันแข็ง มันอมน้ำช้า จะต้องใช้เวลานานหน่อย กว่าน้ำจะซึมผ่านเนื้อดินจนชุ่ม พอที่จะให้รากของต้นไม้ดูดน้ำไว้จนอิ่มพอเลี้ยงลำต้น
3. ดิน
มาคุยกันเรื่องดินดีกว่า ดินอะไรดีหนอ ดินที่ไม่อมน้ำมากจนเกินไปครับ เป็นคำตอบสุดท้าย ดินกลางๆ จะให้ได้กับไม้ได้หลายชนิด ทั้งกระบองเพชร และไม้อวบน้ำ ข้อควรสังเกต ก็คือ 1. มีการระบายน้ำได้ดี2. อาหารพอ3. ราคาถูก4. หาได้ง่าย อะไรก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องมีสูตรตายตัวเลย ก็ใช้ ดินร่วน ปุ๋ยคอก ใบไม้ผุ และ ขุยมะพร้าว อย่างละ 1 ส่วน ทรายหยาบ 4 ส่วน ครับ ลองสร้างสูตรดินของคุณเองดูบ้างไหมครับ สนุกดีเหมือนกันนะ
4. ปุ๋ย
ปุ๋ยธรรมชาติที่เป็นส่วนผสมในดินปลูก จะเป็นอาหารหลักอยู่แล้ว ส่วนปุ๋ยเคมีทรางราก เป็นอาหารเสริม ปุ๋ยเคมีทางใบบ้าง เป็นอาหารที่ใช้ในขณะที่ รากมีปัญหา หรือ ต้องการเร่งให้เห็นผลไว ก็อาจจะใช้เป็นบางช่วงระยะเวลาในการใส่ ก็แล้วแต่ความเหมาะสมครับ ประมาณ เดือนละ 1 - 2 ครั้งก็ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปครับ กระถาง ขนาดกระถางมีผลต่อการใช้ดินและน้ำด้วยนะครับ ถ้ากระถางใหญ่แล้วให้ดินที่เนื้อแน่น ต้นไม้จะมีปัญหาเน่าง่ายนะครับ เพราะต้นไม้จะได้รับน้ำเกินความจำเป็น แต่ถ้าเป็นดินที่เนื้อแน่นอยู่ในกระถางเล็ก ก็จะทำให้ความชื้น ไม่มากเกินไปนะครับ ก็จะเห็นว่าต้นไม้ที่อยู่ในกระถางที่พอดีกับต้น ใช้ดินพอดีกับกระถาง จะโตไวมาก ทั้งๆที่ไม่ต้องให้ปุ๋ยเสริม
วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552

ชั้นที่1 ปิดด้วยมุ้งสีขาวตารางถี่ๆ ส่วนชั้นที่สอง ก็ปิดด้วยพลาสติคใสทับไปอีกทีค่ะ ยกเว้นที่ประตูทั้งสองด้าน ประตูทั้งสองด้าน ใช้แค่มุ้งสีขาวปิดไว้อย่างเดียว เพื่อให้ลมสามารถพัดเข้ามาได้ ทำให้อากาศภายในถ่ายเท สบาย ไม่อบอ้าว เหมือนโรงเรือนปิดทั่วไป ส่วนหลังคาใช้เป็นกระเบื้องพลาสติคใส แบบใช้ได้เป็นระยะเวลานาน ไม่ขุ่น กระเบื้องชนิดนี้จะมีราคาค่อนข้างแพงค่ะ ถ้าใครต้องการจะประหยัด ก็อาจจะใช้ พลาสติคใสธรรมดามาทำเป็นหลังคาแทนก็ได้ค่ะ รับรองว่าประหยัดสุดๆ แต่อายุการใช้งานก็น้อยลงมาอีกหน่อยค่ะ ถ้าบ้านใครแดดแรงอาจจะมีสาแลนช่วยก็ได้